เมื่อวานผมเพิ่งยื่นใบลาออกจากงานประจำที่มั่นคงและแสนสบาย สบายอย่างที่คนทำนิตยสารจะพึ่งมีได้ คงจะได้เห็นจากรายละเอียดการทำงานของผม
เวลาเข้างานที่กำหนดไว้คือ 9 โมงเช้า แต่บก.ซึ่งโดยส่วนตัวก็ไม่ชอบการบังคับของกฏเกณฑ์หรือของใคร อนุโลมให้กองบรรณาธิการอย่างพวกผมมาถึงสำนักงานสายได้ถึง 10.30 น. เป็นการดีที่จะเลี่ยงการจราจรอันติดขัดในยามเช้า นั่นเป็นข้ออ้างให้ผมตื่นสายได้สบาย
คอลัมน์ที่ผมรับผิดชอบส่วนใหญ่เป็นการหาความสำราญให้กับชีวิต การดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ และสถานที่กินดื่มที่น่าไปสัมผัส
ตลอดปีกว่าที่ผ่านมาผมเดินเข้าโรงหนังเพื่อไปดูหนังแทบทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1-4 ครั้ง โดยไปในฐานะสื่อมวลชน อัลบั้มเพลงที่เพิ่งวางแผงและหนังสืออีกนับไม่ถ้วนที่ถูกส่งมาภายในซองเอกสารสีน้ำตาลจ่าหน้าผู้รับถึงผม ผมได้สัมผัสบทเพลงและตัวหนังสือเป็นจำนวนมากอย่างที่คงไม่มีปัญญาไปซื้อหามาได้เอง ได้กินอาหารในร้านที่ผมคงไม่มีปัญญาไปกินอีกเช่นกัน ผมมีความสุขกับมันมาก
แล้วทำไมผมจึงตัดสินใจออกจากงานอันว่างโหวงโปรงสบายนี้?
สาเหตุที่ผมออกจากงานจะเรียกว่า ‘เบื่อ’ ก็อาจพูดได้ไม่เต็มปาก มันมีสิ่งที่ดึงดูดผมให้อยู่ก็อย่างที่รู้กัน แต่มันก็มีบางสิ่งที่ผลักผมออกมา มันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจลึกๆ ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจเลยจริงๆ ว่ามันคืออะไร แต่มันมีแรงผลักมากพอให้ผมเขียนใบลาออกไปแล้ว
ทุกเย็นหลังเลิกงานผมจะมีโลกอีกสองใบที่ผมเฝ้าคิดตรึกตรองและมองมันอยู่
โลกใบแรก เป็นเรื่องราวของความฝัน จินตนาการ ความคิด ตัวละคร การกระทำของตัวละครบางอย่างที่แปลกประหลาดและน่าติดตาม เป็นความสนุกของผมที่อยู่ในห้วงความคิด จนบางครั้งมันเป็นภาพซ้ำในหัวสมองที่ผมต้องระบายออกมาเป็นตัวหนังสือ ในรูปแบบของเรื่องสั้น มันคือโลกของวรรณกรรม
โลกอีกใบ เป็นเรื่องของอุดมการณ์ของคนทำหนังสือ ที่ต้องการทำสื่อสิ่งพิมพ์คุณภาพออกสู่สายตาผู้อ่าน การลงทุนเพื่อตีพิมพ์จำหน่ายจ่ายแจกสื่อนั้นไปบนพื้นฐานของความเป็นไปได้ของธุรกิจ การวางแผนที่จะเติบใหญ่ในวันข้างหน้า ความตั้งมั่น ผมและเพื่อนๆ ได้เริ่มต้นมันด้วยนิตยสารหมดปัญญา และคิดว่ามันน่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีพอ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่จะตัดสินคือก้าวต่อไป
มันเป็นโลกสองใบที่ผมต้องการเข้าไปเหยียบยืน เดินดุ่ม บุกตลุยเข้าไป แม้ว่ามันอาจต้องแลกด้วยความไม่แน่นอนของปากท้องก็ตามที
สิ่งหนึ่งที่ผมเคยพิสูจน์มาด้วยตัวเอง นั่นคือ ใจของผมเอง ใจของปุถุชน มีความอ่อนไหว หวั่นไหวกับสภาพล้อมรอบตัว ผมจะไหลเรื่อยตามมันไปอย่างง่ายดาย
หากผมอยู่ในโลกของความเบิกบาน สำราญและมั่นคง ผมไม่มีวันที่จะได้เข้าไปเหยียบย่างไปบนโลกทั้งสองใบที่ผมวาดหวังไว้นั่นแน่นอน ความสบายจะยึดผมไว้ นานวันเข้าผมจะดิ้นออกจากมันไม่หลุด ผมคงทำได้เพียงส่องกล้อง แอบดูความเป็นไปของมันจากที่อันแสนไกล
ผมอยากจะสารภาพเอาไว้ตรงนี้ว่า การตัดสินใจออกจากงานประจำครั้งนี้ ผมยังไม่แน่ใจนักว่า จะเดินไปในทิศทางใดต่อเพื่อเลี้ยงชีพและปากท้องของตัวเอง
ผมยังไม่มีเรื่องสั้นหรือนวนิยายที่มีคุณภาพและปริมาณมากพอจะหากินกับมันได้ และถึงมีปริมาณมากพอ มันก็เป็นไปได้ว่าผมจะต้องอดอยากเหมือนเดิม ในสภาพของของนักเขียนวรรณกรรมของประเทศที่แทบจะไม่มีใครอ่านวรรณกรรมกันแล้ว
ผมยังไม่มีแผนธุรกิจที่สมบูรณ์ของนิตยสารหมดปัญญาที่จะไปเสนอนายทุนหน้าไหน ยังไม่มีรายได้เข้ามาเจือจุนนิตยสาร มิหนำซ้ำยังต้องลงทุนและลงแรงในการผลิตเล่มต่อๆ ไป (ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมและเพื่อนๆ เข้าใจดี มิได้มีเจตนาจะมาขอความเห็นใจแต่อย่างใด)
สิ่งที่เป็นเหมือนค่าตอบแทนก็คือ ‘ผู้อ่าน’ ปริมาณผู้อ่าน จำนวนอีเมลที่ฝากไว้ในแต่ละความคิดเห็น เรานับเป็นค่าตอบแทนของเราทั้งสิ้น มันเป็นตัวเลขของความเป็นไปได้ในการจัดพิมพ์ หากว่าผู้อ่านมีมากพอ อาจพอมีความเป็นไปได้ที่นำไปสู่ลู่ทางของการจัดพิมพ์เอง โดยที่มีการสั่งซื้อนิตยสารจากผู้อ่านเป็นเบาะรองรับไม่ให้เจ็บตัว และไม่ต้องหาที่ว่างเก็บนิตยสารที่อาจจะเหลือเป็นกองพะเนิน นี่อาจเป็นทางหนึ่งบนโลกใบที่ผมเฝ้ามองอยู่ และกำลังเดินทางไปเหยียบยืนด้วยสองเท้าของตัวเอง
จากมุมมองบนพื้นผมอาจเห็นทางที่ผมควรจะเดินได้ถนัดกว่าการเฝ้ามองโดยไม่ได้ลงมาสัมผัสกับมัน
14 ความเห็น so far
ใส่ความเห็น
สู้ ๆ นะ วิช ขอให้สำเร็จอย่างที่เธอตั้งใจ ในเมื่อก้าวมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องก้าวต่อไป เรานับถือในความกล้าของเธอจริง ๆ กล้าที่จะก้าวไปตามความฝัน อิอิ ขอให้โชคดีนะ :)
ความเห็น โดย lee(som) 4 พฤษภาคม 2008 @ 1:52 amอื้ม ความฝันถ้าเรายืนมองมันอยู่ห่างๆ ก็เป็นได้แค่ความฝัน แต่ชีวิตมันก็ต้องมีทั้งความจริงและฝันเคียงคู่กันไป ถ้ามั่นใจซะอย่าง หนทางจะขรุขระแค่ไหนก็ดีกว่าไม่ได้ก้าวไป…กำลังจะตัดสินใจก้าวออกไปเหมือนกัน…
ความเห็น โดย ปลาดาว 9 พฤษภาคม 2008 @ 5:54 pm“ส้ม-ก็กล้าหาญหรือมั่นใจมากนักหรอกนะ แต่ไปคิดแล้วถ้าแก่ตัวไปจะเสียดายที่วันนี้ไม่ได้ทำอะไรไปเลยสักอย่าง มันเป็นอย่างนั้น
ปลาดาว-ใช่เลยครับ ขอให้ปลาดาวได้เจอทางที่ไม่ขรุขระมากนะครับ”
ความเห็น โดย wichstandup 12 พฤษภาคม 2008 @ 2:01 amคงเป็นคนนอก คนเดียว ที่แวะผ่านเข้ามา ยังไงก็ตาม เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ นะคะ
ความเห็น โดย เรนันท์ 25 พฤษภาคม 2008 @ 4:08 pm“ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ แวะเวียนเข้ามาอย่างนี้ก็ไม่ใช่คนนอกแล้วล่ะครับ :)”
ความเห็น โดย wichstandup 25 พฤษภาคม 2008 @ 5:13 pmน่าจะได้เจอกันที่ way แล้วล่ะ แต่ไม่รู้ว่าคนไหน วันนั้นจำได้เลย ว่าเสื้อเท่ห์ดี ทีแรกนึกว่าจะ ออกแนว ฮา แต่พอเข้ามาดูที่นี่แล้ว มีสาระกว่าที่นึกไว้เยอะเลยค่ะ ^__^
ความเห็น โดย เรนันท์ 4 มิถุนายน 2008 @ 9:11 amเอาใจช่วยนะ คุณไม่ใช่คนแรกหรอกนะ ที่กำลังไล่จับความฝันและความเป็นตัวของตัวเอง และหลายๆ คนก็ทำสำเร็จด้วย และคุณก็กำลังจะประสบความสำเร็จ
ความเห็น โดย nakoi 10 กรกฎาคม 2008 @ 9:50 am“หวังว่าคุณ nakoi ยังคงเดินตามฝันอยู่เช่นกันนะครับ”
ความเห็น โดย wichstandup 10 กรกฎาคม 2008 @ 1:45 pmเพิ่งผ่านมาเจอค่ะ อยากบอกว่า อ่านแล้ว “หมดปัญญา” จะเขียนอะไรต่อได้ เพราะคนเขียนที่นี่เขากลั่นมาจนชัดเจนแล้ว
ความเห็น โดย กังสดาล 26 กรกฎาคม 2008 @ 3:08 pmด้วยความชื่นชมค่ะ
เชื่อค่ะ ว่าพวกพี่ทกคนต้องทำได้ สู้ๆค่ะ
ความเห็น โดย ตาล 5 กันยายน 2008 @ 9:36 amความกล้า เป็นบ่อเกิดของความสุขใ..
ความขลาดกลัว เป็นบ่อเกิดความทุกข์..ทุกเรื่อง แม้แต่กลัวจนหรือกลัวไม่มีกิน ..
คนกล้า ตายเพียงครั้งเดียว..
คนขลาดกลัว ทุกข์ทรมานจากการตายหลายครั้ง กว่าจะถึงเวลาตายจริง..
คนเราเกิดมาจากความไม่มีอะไร (ตัวเปล่า)..
และเราก็จะจากไปอย่างไม่มีอะไรเช่นกัน..
คุณเป็นคนหนึ่งที่กล้า และมีจิตใจเผยแพร่ความรู้แก่สังคม..
ขอคารวะ และเอาใจช่วยคุณจริงๆ..
อิสระ สุขเดียวดาย
ความเห็น โดย อิสระ 16 กันยายน 2008 @ 8:26 pmไม่มีอะไรจะบอก นอกจาก “ชื่นชมและจะเป็นกำลังใจให้นะคะ”
ความเห็น โดย เด็กยอดแหลม 2 มีนาคม 2010 @ 8:43 amจะติดตามเสมอค่ะ ^^
เพิ่งได้เข้ามาอ่านบันทึกนี้ สู้ๆ นะวิช ^o^
ความเห็น โดย Little Jepp 7 เมษายน 2010 @ 4:12 pmเพิ่งได้เข้ามาอ่าน
ความเห็น โดย ที่พักเชียงใหม่ 26 เมษายน 2010 @ 12:49 pmเหมือนกัน